
ในหมู่นักโมดิฟายก้าน ยี่ห้อ Graphite Design Tour AD เป็นหนึ่งในยี่ห้อ ที่มีคนใช้ค่อนข้างมาก โดย ก้านยี่ห้อนี้ จะให้ฟิลลิ่งที่ค่อนข้างนุ่มมือ รวมทั้งให้ระยะเเละการคอนโทรลที่ดีมาก ๆ อีกทั้งยังเป็นที่นิยมสำหรับนักกอล์ฟไทยเพราะ ก้านสัญชาติญี่ปุ่นจะไม่ค่อยกินเเรงเท่าก้าน สัญชาติ อเมริกา กล่าวคือ เมื่อตีเเล้วก้านจะช่วยให้ตัวได้มาก ไม่ค่อยเเข็งทื่อ เเละตีสบาย ไม่จำเป็นต้องตีเเรงมากมายก็ได้ระยะเเละทิศทางที่ค่อนข้างน่าพอใจ ก้าน Tour AD รุ่นที่นักโมดิฟายไดรเวอร์ ที่นิยมใช้กันมาก คือ รุ่น Tour AD M 55 เเละ Tour AD PT 6
มาปีนี้ Graphite Design ได้ออกก้าน รุ่นใหม่ชื่อว่า TOUR AD Quattro Tech โดยสังเกตง่าย ๆ ก้านจะเป็นสีเขียวเหลือบ ๆ สวยมาก ๆ ก้าน Quattro Tech ตัวใหม่นี้ก็จะมีหลาย น้ำหนักให้เลือก เช่น 55 gram 65 gran ไปจนถึง 85 gram สำหรับนักกอล์ฟมือหนักเลยทีเดียว
ทดสอบ Taylor Made XR 05 Cti + Tour AD Quattro Tech 65
ผมนำก้าน Quattro Tech 65 Flex Stiff มาใส่ หัวTaylor Made XR 05 CTI องศา 9.5 เหมือนเคย หัว TM XR 05 CTI ตัวนี้ เป็นหัวขนาด 460 CC รุ่นเเรก ๆ ที่ออกมาจำหน่าย หลายปีที่เเล้ว ถึงเเม้จะออกมานานเเต่ก็เป็นหัวที่ดีมาก ๆ ในเรื่องของ รูปทรง คุณภาพหัว ระยะที่ได้จากการตี เเละ สปินที่ค่อนข้างต่ำ อีกทั้งยังหน้าเด้งเเละ กระดองเด้ง อีกต่างหาก การนำหัว Taylor Made XR 05 CTI นี้ มาโมดิฟายกับก้านเกรดดี ๆ ได้ระยะที่ไกลเหลือเชื่อ เรียกว่า ไม้รุ่นใหม่ ๆ ระดับ Super Premium ราคา 3-50,000 บาท ยังทำอะไรไม่ได้เลย
ทดสอบ ก้าน Graphite Design Tour AD Quattro Tech 65 Stiff ดูจากสเปค Quatrro Tech 65 เเล้วหนัก 65 gram เเรงบิด 3.8 ถือว่า ค่อนข้างเยอะไปนิดสำหรับ ก้านหนัก 65 gram เพราะโดยส่วนใหญ่ ก้านที่หนัก 65 gram เเรงบิดจะอยู่เเถว ๆ 3.4-3.5 มากกว่าเเสดงว่า ก้านตัวนี้ ลักษณะจะต้องเป็นเเบบ ดีดช่วยพอสมควร น่าจะตีง่าย ระยะก็น่าจะดี เเต่ต้องดูว่า ยังสามารถคอนโทรลทิศทางได้ดี เหมือนก้านที่มีเเรงบิด เเถว ๆ 3.4-3.5 หรือเปล่า
สำหรับสเปคที่ทำไว้คือ มี Total weight อยู่ ที่ 310 Gram ที่ความยาว 45.00 Swing Weight D 2 เเละ Cpm หรือความเเข็งของก้านดีดออกมาได้ที่ 258 Cpm หรือประมาณ S + ( สเปคนี้จะเหมาะกับสปีดประมาณ 100-110 Mph ครับ)
โมดิฟาย เสร็จ ทดสอบกับ เครื่อง LAUNCH MONITOR เหมือนเดิม ก่อนทดสอบหวังไว้ว่า ที่สปีด 100 mph ระยะไม่น้อยกว่า 260 หลา เเละ ที่สปีด 105 Mphขึ้นไป โดยเน้นสปินประมาณ 2500 CPm กับ Launch Angle 15-17 องศา ระยะน่าจะออกมาไม่ต่ำกว่า 280 หลา
หลังจากทดลองกับเครื่อง Launch Monitor สักพัก โดยเริ่มลองที่สปีด 95-97 Mph ก่อน ระยะที่ออกมาประมาณ 240-255 หลา ระยะที่ออกมาถือว่าก็ยังไม่ไกลมากนัก เนื่องจาก ก้าน Quattro Tech 65 S น่าจะเเข็งไป สำหรับสปีดประมาณ 95-97 Mph เพราะก้าน ยังทำงานไม่ถึงจุดดีดที่ดีที่สุด ระยะเลยออกมาเเค่นั้น ( เเนะนำว่าให้ใช้ก้าน Quattro Tech 55 FlexS น่าจะดีกว่า สำหรับสปีดต่ำกว่า 100 Mph) พอเพิ่มปีดไปที่ 97-100 ระยะที่ได้ออกมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 260-265 หลา ยันไปสุดที่ 275-277 หลา สำหรับสปีด 99-100 Mph ( 277 หลา เป็นระยะที่ดีที่สุด ของสปีดที่ต่ำกว่า 100 Mph โดยมีมุมเหินที่สูงประมาณ 17-18 องศา เเละสปินอยู่ที่ 2200-2400 Cpm)
หลังจากวอร์มที่สปีดต่ำกว่า 100 Mph ได้สักพัก ถึงเวลารีดระยะสปีดจึงเพิ่มเป็น 102-106 ระยะก็มาเป็นขนมหวานให้เห็น จาก ระยะ 260 หลา ก็เห็นเลข 270++ -285 หลา ทุกลูกโดยยืนพื้นที่ระยะ 270-275++ กับ Launche Angle สวย ๆ ที่ 16-17 องศา รีดสุด ๆ กับ สปีด 108-110 ก้าน Quattro Tech 65 ก็ยังรับสปีดที่เร็วขนาดนี้ไหว เเต่ ระยะที่เกิน 290 หลา ลูกจะเริ่มออก ซ้าย ในลักษณะดรอว์ ปลาย ๆ น่าจะเริ่มเเสดงอาการว่า หากสปีดขนาดนี้ คงต้องหันไปเล่น FLEX X เเทนซะมากกว่าเเล้วครับ ส่วนฟิลลิ่งของก้าน บอกได้อย่างเดียวว่า เหมือนเป็นการนำเอาฟิลลิ่งที่นุ่มของรุ่นเก่าอย่าง TOUR AD M 55 มาบวกกับความเฉียบคมของ Tour AD รุ่น PT 6 เเล้วหารสอง ออกมาเป็น Quattro tech รุ่นใหม่นี้เองครับ
สรุปว่าก้าน เกรด พรีเมี่ยมอย่าง Graphite Design ยังไงก็คงยังเป็น King Of premium shaft ขนาดโปร Japan Tour ยังหันมาใช้กันเยอะมาก เพราะเเค่ 5 หลา 10 หลา ที่เพิ่มขึ้นมาใคร ๆก็เอาทั้งนั้นเเหละครับ
ก้าน Graphite Design Tour AD Quarttro Tech Quattro Tech
Weight Torque Kick Flex
55 54-58gram 5.5 Low R2,R1,S
65 65-67gram 3.8 Low SR,S,X
75 75-76 gram 3.1-3.4 Low S,X
85 86-87 gram 2.8-3.0 Low S,X