Friday, December 7, 2007

Graphite Design Quattro Tech


ในหมู่นักโมดิฟายก้าน ยี่ห้อ Graphite Design Tour AD เป็นหนึ่งในยี่ห้อ ที่มีคนใช้ค่อนข้างมาก โดย ก้านยี่ห้อนี้ จะให้ฟิลลิ่งที่ค่อนข้างนุ่มมือ รวมทั้งให้ระยะเเละการคอนโทรลที่ดีมาก ๆ อีกทั้งยังเป็นที่นิยมสำหรับนักกอล์ฟไทยเพราะ ก้านสัญชาติญี่ปุ่นจะไม่ค่อยกินเเรงเท่าก้าน สัญชาติ อเมริกา กล่าวคือ เมื่อตีเเล้วก้านจะช่วยให้ตัวได้มาก ไม่ค่อยเเข็งทื่อ เเละตีสบาย ไม่จำเป็นต้องตีเเรงมากมายก็ได้ระยะเเละทิศทางที่ค่อนข้างน่าพอใจ ก้าน Tour AD รุ่นที่นักโมดิฟายไดรเวอร์ ที่นิยมใช้กันมาก คือ รุ่น Tour AD M 55 เเละ Tour AD PT 6
มาปีนี้ Graphite Design ได้ออกก้าน รุ่นใหม่ชื่อว่า TOUR AD Quattro Tech โดยสังเกตง่าย ๆ ก้านจะเป็นสีเขียวเหลือบ ๆ สวยมาก ๆ ก้าน Quattro Tech ตัวใหม่นี้ก็จะมีหลาย น้ำหนักให้เลือก เช่น 55 gram 65 gran ไปจนถึง 85 gram สำหรับนักกอล์ฟมือหนักเลยทีเดียว
ทดสอบ Taylor Made XR 05 Cti + Tour AD Quattro Tech 65
ผมนำก้าน Quattro Tech 65 Flex Stiff มาใส่ หัวTaylor Made XR 05 CTI องศา 9.5 เหมือนเคย หัว TM XR 05 CTI ตัวนี้ เป็นหัวขนาด 460 CC รุ่นเเรก ๆ ที่ออกมาจำหน่าย หลายปีที่เเล้ว ถึงเเม้จะออกมานานเเต่ก็เป็นหัวที่ดีมาก ๆ ในเรื่องของ รูปทรง คุณภาพหัว ระยะที่ได้จากการตี เเละ สปินที่ค่อนข้างต่ำ อีกทั้งยังหน้าเด้งเเละ กระดองเด้ง อีกต่างหาก การนำหัว Taylor Made XR 05 CTI นี้ มาโมดิฟายกับก้านเกรดดี ๆ ได้ระยะที่ไกลเหลือเชื่อ เรียกว่า ไม้รุ่นใหม่ ๆ ระดับ Super Premium ราคา 3-50,000 บาท ยังทำอะไรไม่ได้เลย
ทดสอบ ก้าน Graphite Design Tour AD Quattro Tech 65 Stiff ดูจากสเปค Quatrro Tech 65 เเล้วหนัก 65 gram เเรงบิด 3.8 ถือว่า ค่อนข้างเยอะไปนิดสำหรับ ก้านหนัก 65 gram เพราะโดยส่วนใหญ่ ก้านที่หนัก 65 gram เเรงบิดจะอยู่เเถว ๆ 3.4-3.5 มากกว่าเเสดงว่า ก้านตัวนี้ ลักษณะจะต้องเป็นเเบบ ดีดช่วยพอสมควร น่าจะตีง่าย ระยะก็น่าจะดี เเต่ต้องดูว่า ยังสามารถคอนโทรลทิศทางได้ดี เหมือนก้านที่มีเเรงบิด เเถว ๆ 3.4-3.5 หรือเปล่า
สำหรับสเปคที่ทำไว้คือ มี Total weight อยู่ ที่ 310 Gram ที่ความยาว 45.00 Swing Weight D 2 เเละ Cpm หรือความเเข็งของก้านดีดออกมาได้ที่ 258 Cpm หรือประมาณ S + ( สเปคนี้จะเหมาะกับสปีดประมาณ 100-110 Mph ครับ)
โมดิฟาย เสร็จ ทดสอบกับ เครื่อง LAUNCH MONITOR เหมือนเดิม ก่อนทดสอบหวังไว้ว่า ที่สปีด 100 mph ระยะไม่น้อยกว่า 260 หลา เเละ ที่สปีด 105 Mphขึ้นไป โดยเน้นสปินประมาณ 2500 CPm กับ Launch Angle 15-17 องศา ระยะน่าจะออกมาไม่ต่ำกว่า 280 หลา
หลังจากทดลองกับเครื่อง Launch Monitor สักพัก โดยเริ่มลองที่สปีด 95-97 Mph ก่อน ระยะที่ออกมาประมาณ 240-255 หลา ระยะที่ออกมาถือว่าก็ยังไม่ไกลมากนัก เนื่องจาก ก้าน Quattro Tech 65 S น่าจะเเข็งไป สำหรับสปีดประมาณ 95-97 Mph เพราะก้าน ยังทำงานไม่ถึงจุดดีดที่ดีที่สุด ระยะเลยออกมาเเค่นั้น ( เเนะนำว่าให้ใช้ก้าน Quattro Tech 55 FlexS น่าจะดีกว่า สำหรับสปีดต่ำกว่า 100 Mph) พอเพิ่มปีดไปที่ 97-100 ระยะที่ได้ออกมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 260-265 หลา ยันไปสุดที่ 275-277 หลา สำหรับสปีด 99-100 Mph ( 277 หลา เป็นระยะที่ดีที่สุด ของสปีดที่ต่ำกว่า 100 Mph โดยมีมุมเหินที่สูงประมาณ 17-18 องศา เเละสปินอยู่ที่ 2200-2400 Cpm)
หลังจากวอร์มที่สปีดต่ำกว่า 100 Mph ได้สักพัก ถึงเวลารีดระยะสปีดจึงเพิ่มเป็น 102-106 ระยะก็มาเป็นขนมหวานให้เห็น จาก ระยะ 260 หลา ก็เห็นเลข 270++ -285 หลา ทุกลูกโดยยืนพื้นที่ระยะ 270-275++ กับ Launche Angle สวย ๆ ที่ 16-17 องศา รีดสุด ๆ กับ สปีด 108-110 ก้าน Quattro Tech 65 ก็ยังรับสปีดที่เร็วขนาดนี้ไหว เเต่ ระยะที่เกิน 290 หลา ลูกจะเริ่มออก ซ้าย ในลักษณะดรอว์ ปลาย ๆ น่าจะเริ่มเเสดงอาการว่า หากสปีดขนาดนี้ คงต้องหันไปเล่น FLEX X เเทนซะมากกว่าเเล้วครับ ส่วนฟิลลิ่งของก้าน บอกได้อย่างเดียวว่า เหมือนเป็นการนำเอาฟิลลิ่งที่นุ่มของรุ่นเก่าอย่าง TOUR AD M 55 มาบวกกับความเฉียบคมของ Tour AD รุ่น PT 6 เเล้วหารสอง ออกมาเป็น Quattro tech รุ่นใหม่นี้เองครับ
สรุปว่าก้าน เกรด พรีเมี่ยมอย่าง Graphite Design ยังไงก็คงยังเป็น King Of premium shaft ขนาดโปร Japan Tour ยังหันมาใช้กันเยอะมาก เพราะเเค่ 5 หลา 10 หลา ที่เพิ่มขึ้นมาใคร ๆก็เอาทั้งนั้นเเหละครับ
ก้าน Graphite Design Tour AD Quarttro Tech Quattro Tech
Weight Torque Kick Flex
55 54-58gram 5.5 Low R2,R1,S
65 65-67gram 3.8 Low SR,S,X
75 75-76 gram 3.1-3.4 Low S,X
85 86-87 gram 2.8-3.0 Low S,X

Thursday, December 6, 2007

Modified PING G10



ผลทดสอบ Driver Ping G 10 เหตุผลที่เลือก Ping G 10 นั้น เพราะ โดยพื้นฐานของหัว Driver ของ PING นั้น เป็นหัวที่มีรูปทรง สวย คือมีขนาด ที่สมส่วน เเละมีมิตี ที่ จรดเเล้วรู้สึก ว่า ตีง่าย หน้าไม้ หรือ Face Angle ก็ไม่ปิดมาก เสียง Impact ของ รุ่น G 10 นี้ ได้ พัฒนาให้ดีขึ้น กว่า G 5 โดยเสียงอิมเเพค จะโปร่ง เเละเเน่นมากกว่า G 5 ที่ตีเเล้ว ที่รู้สึกว่า เสียงปะทะ จะเเน่น ก็ไม่เชิง จะใสก็ไม่ใช้ อะไรทำนองนั้น
อีกอย่างที่เลือก หัว Ping G 10 นั้น เพราะตัวหัวนั้น มี น้ำหนัก ที่ค่อนข้างเบา คือ หนัก เเค่ 195 Gram ในขณะที่หัว Driver ยี่ห้อ อื่น ๆ จะหนัก ประมาณ 198-204 gram ทำให้การ เปลี่ยนก้าน เข้าไปนั้น มีอุปสรรคบ้าง เช่น ในการเเต่งน้ำหนัก หรือ การทำความยาว เพราะ หากหัว Driver ที่นำมา โมดิฟายนั้น มีน้ำหนักหัวมากกว่า 200 Gram เเล้ว จะไม่สามารถทำ Swing Weight เเละ ความยาวของไม้ให้ได้ ตามต้องการ หรือ กรณี สำหรับ นักกอล์ฟ ที่มี สปีดที่ช้า หน่อย เช่น 80-90 Mph หัว Driver ที่หนักกว่า 200 Gram ก็จะยาก เเก่การปรับเเต่งไม้ให้มี น้ำหนักรวม หรือ Total Weight ที่น้อย กว่า 280-290 Gram ถึงเเม้จะใช้ ก้านที่เบาเเละกริปที่เบาเเล้วก็ตาม
จาก สเปค G 10 loft 9 ก้าน Graffaloy Prolaunch Red เดิม ๆ จากโรงงานนั้น สามารถวัด Total weight ได้ 315 Gram มี Swing Weight อยู่ที่ D 2 เเละ shaft Frequency ของก้าน อยู่ที่ 260 cpm ซึ่งถือว่า เเข็ง มาก จะเหมาะสำหรับ นักกอล์ฟสปีด 105 mph ++ เท่านั้น
ลองตี G 10 ที่ติดก้าน Grafalloy Prolaunch Red Flex S เดิม ๆ จากโรงงาน ระยะจากที่เคยไดรว์ได้ระยะ 265-275 หลา กลับ หายไป เกือบ 15-20 หลา โดยเหลือเเค่ 250-260 หลา เท่านั้น เเสดงว่า ก้านเดิมนั้น เเข็งเกินไป สำหรับ สปีด 100 mph อย่างผู้เขียน เเต่ก็ยังมีข้อดีที่ว่า ตี ได้ ตรงมาก เรียกว่า อยู่ Fairway เป็น ส่วนใหญ่ เเต่ระยะไม่ได้ ตาม ที่ต้องการ เพราะ ก้าน ค่อนข้างเเข็ง เเละ ทื่อมาก สุดท้ายการโมดิฟาย G 10 จึงเกิดขึ้น

ทั้ง 3 ก้าน โหด ๆ ทั้งนั้น

Model
Aldila Photo By you 60 S
Torque 3.4
Mid Kick
Weight 65
CPM 252

Graphite Design Tour AD
Quattro Tech 65 Flex X
Torque 3.5
Low Kick
Weight 67
CPM 260

Mitsubishi Daimana
White Board 63 S
Torque 3.1
High Kick
Weight 62
CPM 248

ผลการทดสอบ ว่ากันไปตาม เนื้อผ้า :
ก้าน Daimana White Board 63 S ใน G 10 ถือว่าออกมากลาง ๆ คือ ตีง่าย ฟิลลิ่งนุ่ม เเต่ รู้สึกว่า ก้านจะค่อนข้างอ่อน เเละ เร่งมากไม่ได้ หากเร่งเกินไป กลุ่มลูกจะเริ่มกระจาย เเละผิดพลาดได้ง่าย วิถีค่อนข้างพุ่ง เเต่ก็ไม่เตี้ยมาก ฟิลลิ่งค่อนข้างนุ่มสุด ๆ ระยะ ถือว่าดีพอประมาณ ฟิลลิ่งตอนกระทบ ลูกกอล์ฟติดที่หน้าไม้นานดี Tour Ad Quatrro Tech 65 X ก้านตัวนี้ เข้ากับ G 10 ได้อย่างดี เป็นปี่เป็น ขลุ่ย โดย ดูจากฟิลลิ่งเวลา ปะทะลูก สปินที่ออกจากหน้าไม้ค่อนข้างน้อย วิถี ที่ออกไป จะโค้งสวยที่สุด ปลายลูกมีติด ดรอว์เล็กน้อย ไม่เหมือน Daimana white ที่ตรงเป็นตรง ฟิลลิ่ง Quatrro tech จะไม่นุ่มเท่า Daimana เเต่จะหนึบเเละตีสนุกกว่าหน่อย เร่งได้เรื่อย ๆ เเละเร่งได้มากพอสมควร ระยะ Confirmed ว่าไกลกว่า Daimana เเน่นอน
ส่วน Aldila Photo By you 60 S นั้น ถือว่าเป็น อาวุธสงคราม เพราะ กินเเรง ก้านตึงมาก ขนาด Cpm เท่า ๆ กัน เเต่ หากไม่ออกเเรงใส่หน่อย ก็จะตีไม่ไป เรียกว่า กินเเรง กว่าก้าน Tour Ad เเเละ Daimana สปิน ที่ออกจากหน้าไม้ไปถือว่าน้อย เเต่เเปลกที่ วิถีค่อนข้างโด่งที่สุด เเละฟิลลิ่งตอนปะทะลูกก็กระด้างมากที่สุด ระยะ ถือว่า พอ ๆ กับ Daimana เเต่เป็นรอง Tour AD เล็กน้อยในสปีดที่เท่า ๆ กัน
ดยสรุปเเล้ว ฟิลลิ่งอาจจะบอกได้ ชัดเจนว่าก้าน เกรด พรีเมี่ยม จาก ญี่ปุ่น ตีเเล้ว สบายมือ เเละ สบาย ร่างกาย กว่าก้าน จาก อเมริกาเยอะ เเถม ฟิลลิ่งยังคนละเรื่อง เเต่ถ้าคนที่มีสปีดที่เร็วจริงๆ ลงไม้เเบบโหด ๆ นั้น G 10 + Photo By you น่าจะไปได้ ดีที่สุด เเต่สำหรับ มือกลางๆ สปีด ปานกลางถึงเร็ว ก็น่าจะลงตัวที่ก้าน พรีเมี่ยมจาก ญี่ปุ่น มากกว่า สำหรับ ผู้เขียนเองเเล้ว ลงตัวกับ ก้าน Tour AD Quattro tech 65 Flex X มากที่สุด หากฟังเเค่ Flex X เเล้วก็ดูน่ากลัว เเต่อยากให้ลองตี เพราะ ตีเเล้วเเทบไม่รู้ว่าเป็นก้าน X เลย เพรา ะทั้ง นุ่มเเละ เเน่น ตีสบาย ๆ ก็ไกลกว่าก้าน เดิม จากโรงงาน เเถม ฟิลลิ่งดีขึ้นเยอะ